"ชีวิต เกิดมาทำไม ? "

-


คงต้องมีใครสักคนถามว่า ชีวิตเกิดมาทำไม ทำไมต้องเกิด ในเมื่อเกิดมาแล้ว ก็ต้องแก่เจ็บและตายไปในที่สุด เวียนว่ายตายเกิดกันอยู่นั่นแหละ คำว่าเวียนว่ายตายเกิด อาจจะไม่ใช่คนเดิมหรือคนเดิมก็ได้ เพราะอย่างน้อยก็มีชีวิตใหม่ๆเกิดขึ้นมา ทดแทนส่วนที่ตายไป เป็นอยู่อย่างนี้มาหลายพันหลายหมื่นปี บางคนอ้างว่าหลายแสนหลายล้านปี

ไม่อยากคิดว่า ถ้าหลายแสนหลายล้านปี มนุษย์จะด้อยพัฒนาขนาดไหน เพราะถ้าเรามองย้อนถอยหลังไปไม่ถึงร้อยปี เรายังดูและรู้ว่า มันด้อยพัฒนาหรือว่า ล้าสมัยดูเชย ยังไงชอบกล

ถ้าเรามองย้อนกลับไปสมัยเรายังเป็นเด็ก เราจะเห็นว่า เรารู้น้อยกว่าวันนี้ และชั่งล้าสมัยเสียเหลือเกิน ยิ่งพ่อแม่ญาติผู้ใหญ่ ยิ่งเชยและล้าสมัยเข้าไปใหญ่ นี่ขนาดเรามองย้อนถอยไป ไม่ถึงร้อยปี แล้วถ้าถอยไปสักหลายๆพันปี มนุษย์จะมีชีวิตที่ล้าสมัยหรือด้อยพัฒนาขนาดไหน ?

เราลองมาตีความหมายที่คนบางคนสงสัยว่า ชีวิตเกิดมาทำไม ทำไมต้องเกิด เกิดมาเพื่ออะไร และควรทำอย่างไร ก่อนที่จะตายจากโลกใบนี้ไป บางคนคิดสลับซับซ้อนว่า เราเพียงแค่สูญสลายเฉพาะร่างกาย แต่จิตของเรายังอยู่ และจะเปลี่ยนสภาพเป็นพลังงาน เวียนว่ายไปเกิดใหม่หรือเปลี่ยนเป็นบางสิ่งแล้วแต่คิดกันไป นับเป็นสิ่งที่ดี ที่เราจะต้องคิด และหาเหตุผลว่า เราเกิดมาทำไม เกิดแล้วทำไมต้องตาย ตายแล้วไปไหน จิตกับกายต่างกัน กายสูญสลายเน่าเปื่อย แล้วจิตยังอยู่ อยู่อย่างไร อยู่ตรงไหน แล้วถ้าจิตมีอยู่จริง ทำไมก่อนที่จะตาย เราไม่หาวิธีถ่ายเทจิตไปอยู่ในร่างใหม่ เราก็จะเป็นคนเก่าในร่างใหม่ หรือมันทำไม่ได้ มันอาจสูญสลายไปพร้อมๆกัน

แต่มันจะอย่างไรก็ชั่ง ในเมื่อมนุษย์เกิดมาแล้ว คำถามที่บางคนถามว่า "เกิดมาทำไม " คงต้องไปถามพระเจ้า เหมือนอย่างเราเอาปลาตายไปวางใว้ที่ไหนสักแห่ง เมื่อมันเริ่มเน่า ชีวิตจะเกิดมา ชีวิตเกิดมาจากการผสมผสารของการหมักหมม ชีวิตเกิดจากการผสมของความเหมาะสม เหมือนเราเกิดจากการผสมของน้ำเชื้อในร่างกายของมนุษย์ ในนั้นเต็มไปด้วยการหมักหมมและเหมาะสม ไม่ร้อนไม่หนาวจนเกินไป ในที่สุดชีวิตเกิดขึ้นมา ?

"แล้วเกิดมาทำไมล่ะ " :ใครสักคนต้องถามแน่ๆเลย ?
เกิดมาเพราะคนที่เกิดก่อน มีอารมณ์ ความรักความใคร่กันและมีเพศสัมพันธ์กัน ถ้าเป็นสิ่งมีชีวิตอื่นๆเรียกผสมพันธุ์กัน มีแยกการใช้ภาษากันด้วยนะ ?

แค่นั้นหรือ ดูดูแล้วมันก็ไม่ได้มีอะไรที่ซับซ้อน ถ้าเราเอาไปเปรียบกับสิ่งมีชีวิตสักอย่าง อะไรก็ได้ เช่นยุงหรือปลา นก เสือ ลิงช้าง พ่อแม่เมื่ออายุได้เวลาผสมพันธุ์กัน ก็จะวางไข่ หรือมีวิธีการอย่างหนึ่งอย่างใด ออกลูกขยายพันธุ์กันไป เพื่อมาทดแทนกับตัวเอง ที่แก่ตัวไปแล้วจะต้องตายไป นี่คือวัฎจักรวงจรชีวิต ก็แค่นั้น ?

"แค่นั้นเองหรือ " : แค่นั้นมั้ง ?
"แล้วทำไมมนุษย์จึงมีคำอธิบายมากมาย" : เพราะมนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ฉลาด ? ฉลาดคิด ฉลาดที่จะหาเหตุผล ฉลาดที่จะหาข้อมูลเพื่อสนับสนุนความเชื่อ ความคิดให้สอดคล้องเรียบเรียง และมีน้ำหนัก

"งั้นสรุปว่า มนุษย์เกิดมา เพราะสืบเผ่าพันธุ์ แบบสิ่งมีชีวิตอื่นๆ "  ก็อาจจะยังไม่ใช่ทั้งหมด บนโลกใบนี้ไม่มีบทสรุปที่แน่นอน เพราะตราบใดที่โลกยังดำเนินต่อไป สักวันความจริงใหม่ๆก็อาจจะมาลบล้างความจริงเก่าๆก็เป็นไปได้ และความจริงเก่าๆ ก็จะเป็นความไม่จริงไปในที่สุด ?



NAPOLEON HIN




ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

กำเนิด SODA

-
รูปภาพ
โซดา ถือกำเนิดมาเมื่อประมาณ 220ปีที่ผ่านมา โดย โจเซฟ เพลสลี่ย์ ไม่รู้ว่าเป็นญาติฝ่ายไหนของ เอลวิส เพลสลี่ย์ โดยการนำเอา โซเดียมไบคาร์บอเนต เติมลงไปในน้ำมะนาว และเกิดปฎิกริยา กรดส้มกรดมะนาว ทำให้เกิดก๊าซ คาร์บอนไดอ๊อกไซด์   และนี่เองที่ทำให้ถือกำเนิด โซดา ที่เอาน้ำมาผสมกับ คาร์บอนไดอ๊อกไซด์ จนเป็นโซดาซาบซ่าแล้วเอามาผสมเหล้าแบบโซดาตราสิงห์ ในบ้านเรา  ส่วนที่คนไทยเราเอาโซดามาผสมเหล้า ก็เชื่อได้ว่า เป็นเพราะวัฒนธรรมการกินเหล้าของคนไทยเรา ชอบกินคู่กับกลับแกล้ม ถ้ากินเหล้าล้วนๆ เอทธิลแอลกอฮอล์ ซึ่งมีฤทธิ์เป็นด่างจะไปทำลายกรดในน้ำย่อย ซึ่งก็จะทำให้น้ำย่อยหมดฤทธิ์ อาหารก็ไม่ย่อย ท้องก็จะอืด ก็เลยผสมโซดาเข้าไป เมื่อผสมโซดาเข้าไป ก็จะทำให้เหล้าที่มีฤทธิ์เป็นด่าง มีสภาพที่เป็นกลาง จึงสบายท้อง ทำนองนั้น แต่ไม่รู้ว่าขี้เมาคนไหนเป็นผู้คิดค้น แต่ก็คงต้องมีคนลองผิดลองถูกมาจนออกมาเป็นสูตรนี้ หรือไม่ก็เป็นพวกคอเหล้าขี้เมาที่มีหัวทางวิทยาศาสตร์ที่ทดลองจนได้สูตร วิสกี้ผสมโซดา ที่ได้รสชาติกลมกล่อม ดื่มแล้วซ่านิดๆ กลิ่นเหล้าอ่อนๆ หอมๆเย็นๆชื่นใจ อ้าวไม่ได้โฆษณานะ เดี๋ยวจะหาว่ามาโฆษณา เ...
อ่านเพิ่มเติม

"คนที่ยอมแพ้ไม่เคยชนะ คนชนะไม่เคยยอมแพ้ "

-
รูปภาพ
คนที่ยอมแพ้ มักจะถอดใจเสียก่อน ทั้งๆที่ไม่รู้ว่า ชัยชนะอาจอยู่แค่เอื้อม เส้นชัยอยู่ใกล้นิดเดียว ถ้าทนอีกนิด อึดอีกหน่อย มันก็จะข้ามความพ่ายแพ้ไปแล้ว แต่บางครั้งมันก็ทนไม่ได้ ถ้าเชื่อว่า ไม่มีทางแล้ว สู้ไม่ไหวแล้ว ยอมแล้วจ้า ! แต่ถ้าลืมคำว่า ยอมแล้ว ไม่ไหวแล้ว สู้ต่อไป อีกนิดเดียวก็จะชนะแล้ว คิดเช่นนี้ ปิดประตูแห่งความพ่ายแพ้ ปิดประตูแห่งการยอมจำนน ไม่มีความคิดสักนิดเดียวว่า ไม่สู้ ความล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า คืออุปสรรคเล็กๆน้อยๆระหว่างทางเท่านั้น ! นิสัยคนพ่ายแพ้มักคิดว่า ทำไม่ได้ สู้ไม่ไหว คิดแต่ปัญหา คิดแต่เรื่องแพ้ เรื่องท้อแท้ เรื่องท้อถอยเรื่องลบๆ ไม่คิดบวก ในที่สุด คนแบบนี้ ไม่มีทางทำอะไรได้สำเร็จ และโทษนั่นโทษนี่ไปชั่วชีวิต นิสัยคนชนะ จะมีความเชื่อมั่น มั่นใจและเชื่อในความสำเร็จ บางครั้งอาจจะคิดว่า คิดแบบนี้ก็ประมาทละซี เพราะจะดูเหมือนเย่อหยิ่ง เชื่อมั่นจนเกินไป โดยไม่คิดถึงเรื่องที่อาจจะทำให้เสียหายหรือผิดพลาด ในที่สุด ก็จะกลายเป็นความประมาทไปนั่นเอง เพราะความเชื่อมั่น ความมั่นใจ มันมีเส้นแบ่งบางๆใกล้กับความประมาท  บางคนจึงกล่าวเหมาเอาว่า ความมั่นใจก็คือควา...
อ่านเพิ่มเติม

Knight Rider (kitt)

-
รูปภาพ
    เมื่อสามสิบกว่าปีก่อน มีหนังเรื่องหนึ่ง ที่พระเอกมีรถอัจฉริยะ สามารถขับเองได้ พูดได้ ตอบคำถามได้คำนวณทุกอย่างได้ เรียกว่า มันคือสุดยอดของรถ แม้แต่ลูกปืนยังไม่สามารถทำอะไรกับรถคันนี้ได้ รถคันนี้มีชื่อว่า (kitt)คิท มันจะทำหน้าที่เป็นเพื่อนของพระเอก และสามารถปกป้องภัยอันตรายทุกอย่างได้ มันสามารถพาเจ้านายกลับบ้านได้ แม้เจ้านายหลับไป นี่มันคือจินตนาการล้วนๆ ของคนสร้างหนังเมื่อหลายสิบปีก่อน ภาคแรกสร้างปี 1982-1986  ทำไมคนเหล่านั้น จึงรู้ล่วงหน้าว่า สักวันโลกเราจะมีรถยนต์อัจฉริยะขนาดนั้นได้  เวลาผ่านไป35ปี วันนี้ รถยนต์แบบนั้น ถูกสร้างขึ้นมาได้จริงๆ นั่นหมายความว่า จินตนาการ ของคนเหล่านั้น คิดเอาใว้ล่วงหน้าตั้ง35ปี เลยทีเดียว ???  เพราะคนเหล่านั้น มีจินตนาการ มีความคิดสร้างสรรค์ มีลางสังหรณ์ หรือมีความคาดคะเน หรือมีความเชื่อ มีอัจฉริยภาพ ทั้งหมดรวมกันเรียกว่า "จินตนาการ " จินตนาการ คือสิ่งที่คิดด้วยสมอง คิดด้วยจิต คิดด้วยใจจากภายในล้วนๆ และมันมีความสลับซับซ้อน ยากที่จะเข้าใจ  มันถูกสั่งป้อนข้อมูล และประมวลผลและวาดเป็นภาพออกมา เป็นเรื่องเป็นราว เป็น...
อ่านเพิ่มเติม