เด็กจะไปซ้าย ผู้ใหญ่จะไปขวา ?

                                                                  ภาพ : เนติวิทย์



มีข่าวไม่เว้นแต่ละวัน ระหว่าง อาจารย์จุฬา กับ นักศึกษา เนติวิทย์ อยากถามว่า "แล้วจะอยู่ด้วยกันไปทำไม" ในเมื่อต่างฝ่ายต่างคิดไปคนละทาง ต่างฝ่ายต่างงัดต่างง้าง สวนทางทางความคิด สติอยู่ตรงไหน เด็กจะไปซ้าย ผู้ใหญ่จะไปขวา เคยนั่งปรึกษากันด้วยความรักความเมตตาบ้างมั้ย ?

เคยคิดว่าเด็กมันคือลูกศิษย์ เป็นลูกเป็นหลาน มีเมตตาให้ เด็กมีเหตุผลอะไร ? ไม่ใช่ผู้ใหญ่ต้องถูกเสมอ วันนี้โลกมันเปลี่ยนไป เราจะให้คนรุ่นใหม่ ทำตามคำสั่งเหมือนที่ผ่านมา สั่งให้นั่ง สั่งให้คอย สั่งให้หมอบ สั่งให้คลาน เหมือนฝึกหมา เหมือนที่ผ่านมา เชื่อว่าจะทำไม่ได้อีกต่อไป เพราะนี่คือปัญญาชน ??


ก็ไหนว่า เราจะฝึกจะสอนบุตรหลาน ให้มีความคิดความอ่านให้สมเป็นปัญญาชน คนรุ่นใหม่ จะต้องอยู่เพื่อสร้างสังคม สร้างประเทศชาติสืบต่อไป ทำไมเขาต้องทำทุกอย่าง อย่างที่เราชอบ อย่างที่เราต้องการ เขาไม่มีสิทธิ์ ที่จะฝันว่าบ้านที่เขาอยู่ ควรมีสีอะไร  เรากำลังทำทุกอย่าง ทำก่อนที่จะตาย แม้แต่ชีวิตของพวกเขา เราก็จะกำหนดกฎเกณฑ์เอาใว้ว่า พวกแกควรใส่เสื้อผ้าและตัดทรงผมอะไร บ้าน ภายนอก ภายใน ห้องครัว ห้องน้ำ ทุกอย่าง ฉันรู้ว่าควรจะเป็นสีอะไร พวกแกไม่ต้องคิด ทำตาม ฉันรักบ้านนี้ มหาวิทยาลัยแห่งนี้ ประเทศนี้ ฉันรู้ ว่ามันควรเป็นอย่างไร ในความฝันของฉัน พวกแกไม่มีสิทธิ์ เพราะแกไม่ได้สร้างมา แกเพียงผู้อยู่อาศัย ถ้าอยากจะเปลี่ยน ขอให้ฉันเป็นเถ้าถ่าน ไปลอยอังคารให้สิ้นซากก่อน แล้วค่อยปรับค่อยเปลี่ยน ตามใจพวกแก ?


ในระหว่างนี้ ตราบที่คนรุ่นฉัน ยังมีลมหายใจ อย่าฝันว่าใครหน้าไหน จะมาปรับจะมาเปลี่ยน บ้านที่ฉันรักหลังนี้ บ้านในฝัน วิมานแห่งเทพนิยาย บ้านแห่งความงดงาม มันสวยงามยิ่งใหญ่ กว่าบ้านใครๆในโลกนี้ มันมีเอกลักษณ์ มีคุณลักษณะ มีความยิ่งใหญ่ เหนือกว่าบ้านใครๆในปฐพี ?


แล้วพวกแกเป็นใคร เป็นเด็กเมื่อวานซืน เพิ่งลืมตามาดูโลกไม่กี่ปี บังอาจมาเปลี่ยนนั่นเปลี่ยนนี่ ฉันทนไม่ได้ ฉันทนไม่ได้จริงๆ ฉันถือขนบธรรมเนียม วัฒนธรรมอันยิ่งใหญ่ มาหลายร้อยปี ว่าเด็กต้องเชื่อฟังผู้ใหญ่ ไม่มีสิทธิ์โต้เถียง สั่งให้ทำอะไร ต้องทำตามนั้น ไม่มีสิทธิ์ถาม ไม่มีสิทธิ์ค้าน ต้องยอมหมอบราบคาบแก้ว แล้วคลานมารับคำสั่งอย่างว่านอนสอนง่าย ถึงจะเป็นเด็กดี ?

เด็กเอ๋ยเด็กน้อย ความรู้เจ้ายังด้อยการศึกษา เมื่อเติบใหญ่เจ้าจะรู้มีวิชา เพื่อศึกษาเลี้ยงชีพสำหรับตน "จำใว้" เป็นประโยชน์หลายสถานเพราะการเรียน จงพากเพียรไปเถิดจะเกิดผล ถึงลำบากที่จะเชื่อก็ต้องทน เกิดเป็นคนควรหมั่น ขยันเรียน และเชื่อฟัง  ทำตาม ที่อาจารย์สั่ง เพราะอาจารย์ก็ถูกเขาสั่ง มาอีกที  ?

ภาพ:เนติวิทย์

ถ้าทั้งสองฝ่ายต่างมีอคติต่อกัน ไม่มีความรักความเมตตาต่อกัน เด็กไม่เชื่อว่าผู้ใหญ่เป็นผู้ใหญ่ที่น่านับถือ ผู้ใหญ่มองเด็กเหมือนเป็นเพียงพวกหัวรุนแรง พวกก้าวร้าวหัวแข็งดื้อด้าน ปกครองยาก ต่างฝ่ายต่างมีแต่ความเกลียดชังต่อกัน  นี่คือตัวอย่างที่ชี้ให้เห็นถึงสภาพสังคม การเมืองการปกครอง สังคมเล็กๆแห่งนี้ ในรั้วมหาวิทยาลัย อันดับหนึ่งของประเทศไทย ที่เชื่อว่าสามารถผลิตนักปกครองรุ่นใหม่เป็นกำลังของชาติ และนี่คือตัวอย่างที่ทำให้เรารู้ว่า แท้จริงแล้ว ประเทศนี้ไม่ได้ผลิตนักปกครองแนวประชาธิปไตย ให้มีสิทธิเสรีภาพ อย่างเสรี เขาเพียงต้องการผลิต นักรัฐศาสตร์ ที่หัวอ่อน ปกครองได้ ทำตามคำสั่ง สั่งซ้ายหันขวาหันได้ แต่โดยดี เหมือน AI  ?

สังคมเล็กๆ ที่เด็กส่วนใหญ่ หมอบราบคาบแก้ว คุมหัวนั่งหมอบสยบยอมอย่างไม่มีข้อสงสัย อย่างนั้นคือเด็กดี และนั่นจะเป็นปัญญาชนที่ดีต่อไป นี่คือการสลายพฤติกรรม ที่ยอมสยบ และเชื่อฟังคำสั่ง เมื่อเขาเติบโตเรียนจบออกไป เขาจะเป็นข้าราชการที่ดี เชื่อฟังคำสั่ง ว่านอนสอนง่าย ไม่มีข้อสงสัย สั่งอย่างไร ไม่ต้องคิดและทำตาม อย่างเคร่งครัด นี่เองคือจุดบอด ที่ระบบราชการ หน่วยงานรัฐอ่อนแอและขาดประสิทธิภาพมาตลอดหลายร้อยปี เพราะคนถูกสร้างให้เป็นเหมือนAI เป็นเพียงปัญญาประดิษฐ์ เป็นหุ่นยนต์ ที่ป้อนคำสั่งแล้วทำตามหน่วยเหนือเท่านั้น อย่างอื่นไม่ต้องคิด แล้วคนมันจะต่างอะไร กับหุ่นยนต์หรือหุ่นไล่กา ถ้าคิดได้แค่นี้ ?



หมายเหตุ     การต่อสู้หรือจะเรียกว่าการต่อต้าน ทางความคิดของ นิสิตรัฐศาสตร์ปีสองอย่าง เนติวิทย์ ว่าด้วยเรื่องการถวายสัตย์ปฎิญาณ เพราะนิสิตจะถือหลักการที่ว่า พระองค์ท่านรัชกาลที่๕  ทรงมีพระประสงค์ที่จะเลิกวิธีการแบบเดิมๆคือการหมอบกราบคลานถวายบังคม ให้ใช้วิธีแบบสมัยใหม่เหมือนนานาอารยประเทศแบบมนุษย์เสมอภาค คือเด็กไปอ่านประวัติศาสตร์มา และอ้างว่า นี่คือพระประสงค์ แต่ทางคณาจารย์ ทั้งหลาย ในมหาวิทยาลัย ต้องการที่จะใช้วิธีดั้งเดิมกลับไปก่อนหน้านั้น และนำมาซึ่งเหตุแห่งความขัดแย้ง "เด็กจะไปทางซ้าย ผู้ใหญ่จะไปทางขวา "

NAPOLEON HIN.